PTGดัน5บ.ลูก เข้าตลท.หลังดีเกินคาด

พีทีจีเดินหน้าวางแผนเอาบริษัทลูกจาก 5 กลุ่มธุรกิจ non-oil เข้าตลาดหุ้น หลังผลดำเนินการทุกธุรกิจดีเกินกว่าที่คาดหมาย

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าวางแผนนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้นและธุรกิจลูกใน 5 กลุ่มได้แก่ ธุรกิจก๊าซ LPG ธุรกิจกาแฟ ธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ ธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ และธุรกิจร้านมินิมาร์ท มีผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดไว้

โดยในกลุ่มธุรกิจก๊าซ LPG ซึ่งดำเนินงานภายใต้ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่ PTG ถือหุ้นเกือบ 100% มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) แล้ว เพื่อเตรียมแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนและเตรียมจัดทำแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) คาดว่าจะเข้าตลาดหุ้นได้เป็นบริษัทแรกในช่วงต้นปี 65 หรืออย่างช้าไม่เกินกลางปี 65 หลังจากดำเนินธุรกิจจนมีกำไร ซึ่งธุรกิจก๊าซ LPG ทำกำไรขั้นต้นได้ดีกว่าธุรกิจน้ำมันถึง 3 เท่า และตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นเบอร์ 1 ธุรกิจก๊าซ LPG ที่ใช้กับยานยนต์ (Auto LPG) ภายในปี 64 จากปีนี้อยู่ในอันดับ 6 พร้อมวางแผนขยายสถานีบริการให้ได้ปีละ 50 แห่ง ทั้งในรูปแบบที่บริหารงานเอง (COCO) และเฟรนไชส์ (DODO) จากปัจจุบันที่มีอยู่ 200 แห่ง

ธุรกิจปาล์ม โดย PTG เตรียมนำธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ ซึ่งบริษัทที่ถือหุ้นในสัดส่วน 40% เข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 64 ขณะนี้อยู่ในระหว่างคัดเลือก FA โดยธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์เป็นธุรกิจที่มีการผลิตครบวงจรตั้งแต่โรงสกัดน้ำมันปาล์ม (CPO) ไปถึงการผลิตไบโอดีเซล B100 และยังมีผลผลิตอื่น ๆ ที่เป็นผลพลอยได้ เช่น กลีเซอรีนบริสุทธิ์ เป็นต้น ขายให้กับทั้ง PTG และบริษัทอื่น ๆ นอกกลุ่ม มีกำลังการผลิต 5.1 แสนตัน คาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 600 ล้านบาท แล้วยังมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นรองรับความต้องการที่มีมากกว่าเท่าตัว ด้วยการเพิ่มพื้นที่ คลังเก็บน้ำมันปาล์มและไบโอดีเซลอีกประมาณ 5 หมื่นตัน จากปัจจุบันสามารถเก็บได้ 5-6 หมื่นตัน

ส่วนธุรกิจกาแฟ นายพิทักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 329 สาขา แบ่งเป็นพันธุ์ไทย 260 สาขา และคอฟฟี่เวิลด์ 69 สาขา เริ่มเห็น EBITDA จากติดลบมาเป็นศูนย์เมื่อกลางปีที่ผ่านมาเร็วกว่าที่คาดจะเห็นตัวเลขเป็นศูนย์ปลายปี 63 หลังจากที่บริษัทได้เริ่มดำเนินงานมาเป็นเวลา 7-8 ปี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบในช่วงโควิด แต่ก็กลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะเดือน ก.ย.เติบโตได้ถึง 27% มั่นใจว่าธุรกิจกาแฟจะเริ่มทำกำไรได้ตั้งแต่ปีนี้ ก็จะเริ่มวางแผนดันเข้าตลาดหุ้นประมาณปี 2567

ส่วนธุรกิจธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ ซึ่งศูนย์บริการรถยนต์ออโต้แบคส์ (Autobacs) และศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุกโปรทรัค (Pro Truck) คาดจะถึงจุดคุ้มทุนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า รวมถึง ธุรกิจร้านมินิมาร์ท MAX Mart ซึ่งมีแผนขยายธุรกิจอาจตั้งเป็นสาขา Stand-alone ในอนาคต นอกเหนือจากอยู่ภายในศูนย์บริการน้ำมันและก๊าซ LPG ของ PTG ก็อาจผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 67 หลังจากผลดำเนินงานดีกว่าที่คาดไว้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment